ได้มีโอกาสไปบาหลีจนได้ ต้องขอขอบคุณสายการบินแอร์เอเชียที่มีโปรโมชั่นดี ๆ ถูก ๆ เลยมีโอกาสกะเขาบ้าง
ทริปนี้ลุยกันสามสาว เดินทางถึงบาหลีก็วันพุธเที่ยงคืน แต่ทริปนี้มีเวลาในบาหลี สี่ วันเต็ม ๆ เพราะกลับวันอาทิตย์ไฟล์สี่ทุ่ม
ก่อนไปก็ไม่ได้จองโรงแรมล่วงหน้าเลย จนค่อยมาจองก่อนไปหนึ่งอาทิตย์ ผลปรากฏว่าลุ้นจนเหงื่อตกเพราะที่พักส่วนใหญ่จะเต็ม เนื่องจากวันที่ 1 เมษายน เป็นวันหยุดของสิงคโปร์เลยมีนักท่องเที่ยงบินไปบาหลีมากมาย แต่สุดท้ายก็หาได้ค่ะ พวกเราตั้งใจกันพักที่ Ubud ทั้ง 4 วันเลย เพราะขี้เกียจเปลี่ยนที่ Ubud เป็นเมืองเล็ก ๆ น่ารักมากค่ะ อากาศก็จะเย็น ๆ นิด ๆ มีทุ่งข้าว ทุ่งนา ธรรมชาติมาก ขอเอา link โรงแรมที่ศึกษาและสนใจจะพักแต่อดเพราะเต็มมาแบ่งปันเพื่อน ๆ เผื่อสนใจ
http://www.tegalsari-ubud.com/enhanced/index.php เป็นโรงแรมแนวธรรมชาติ ไม่ได้หรูหรา แต่ถือว่าน่าพัก
http://www.tripadvisor.com/Hotel_Review-g297701-d309064-Reviews-Honeymoon_Guesthouses-Ubud_Bali.html ราคามิตรภาพ ห้องก็ดูดีค่ะ
ภาพทุ่งข้าวข้าง ๆ โรงแรม ข้อดีของโรงแรมนี้คือมีรถรับส่งเข้าตัวเมือง Ubud ตลอดเวลา ตอนกลับโรงแรมก็แค่โทรไปบอกเขาว่าอยู่ตรงไหน รอสักพักก็จะมีรถมารับค่ะ เหมือนมีรถส่วนตัวยังไงยังงั้นเลย
ที่บาหลีจะมีวัดเยอะมาก วัดนี้คือวัด Royal family temple of Taman Ayun สร้างขึ้นเมื่อปี 1364
ตอนเย็นควรจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่ Tanah Lot ทีนี่จะมีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่คนจะเข้าแถวดื่มน้ำ มีความเชื่อว่าเมื่อได้ดื่มน้ำนี้จะทำให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ เราก็ขอแจมตามระเบียบ โชคดีทีวันที่ไปฟ้าเปิดมาก เลยทำให้เห็นตะวันตกดินอย่างชัดเจน แจ่มทีเดียว
ระหว่างทางมีโอกาสได้แวะบ้านโบราณที่คนบาหลีอยู่ในสมัยก่อน ก็จะคล้าย ๆ บ้านเราในสมัยก่อน ที่มักจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ อาจจะมีบ้านหลังเล็กหลังน้อย แต่ทุกหลังก็จะอยู่ในอาณาเขตเดียวกันค่ะ เสียดายที่บ้านลักษณะนี้ไม่ค่อยได้เห็นแล้วในบาหลี
อีกวัดหนึ่งที่มีโอกาสได้ไป แต่จำชื่อวัดไม่ได้ วัดนี้ต้องใส่โสร่งนะคะสำหรับผู้หญิงตอนเข้าไปเยี่ยม
ระหว่างทางไปดูภูเขาไฟคินตามานี ก็สามารถแวะ Plantation เพื่อหยุดชิมกาแฟฟรีได้นะคะ บรรยากาศดีทีเดียวสำหรับคนที่มีเวลา
นี่คือภูเขาไฟคินตามานี เพื่อน ๆ สามารถทานอาหารกลางวันและชื่นชมภูเขาไฟนี้ได้ค่ะ แต่อาหารดูไม่ค่อยโอเท่าไหร่ เป็นแบบสไตล์บุฟเฟท์ค่ะ คิดว่าเข้าไปในร้านถ่ายรูปภูเขาไฟก็พอ ไม่แนะนำให้ทางค่ะ เพื่อน ๆ สามารถซื้อทัวร์เพื่อขี่จักรยานเที่ยวภูเขาไฟลูกนี้ได้นะคะ แต่รู้สึกว่าต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้า เป็นโปรแกรมที่น่าสนใจมาก
สถานนี้อันนี้เป็นสถานที่ที่ต้องไปเลยนะคะ แบบว่าถ่ายรูปมาก็ไม่สวยเท่าสองตาไปเห็นด้วยตัวเอง ทุ่งข้าวไล่ระดับขนาดใหญ่ เขียวขจี รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติสุด ๆ แนะนำให้ไปทานข้าวตรงร้านแถวนี้นะคะ แล้วก็ชื่นชมทุ่งข้าวระหว่างทาน รู้สึกมีความสุขสุด ๆ
กิจกรรมที่แนะนำให้ทำในบาหลีคือนวดค่ะ แนะนำให้ลองไปที่นี่นะคะ ราคาไม่แพง คุณภาพโอเค ภายในร้านดูสะอาดดี ชื่อร้าน bodywork ลองเข้าไปดูที่เวปไซท์นะคะ อยู่ในตัวเมือง Ubud เลย www.bodyworksbali.com/ แล้วก็อย่าลืมแวะเดินเล่นในตัวเมือง Ubud จะมีร้านเล็ก ๆ ตามรายทางให้แวะชมค่ะ บางร้านตกแต่งน่ารักทีเดียว แต่อย่าลืมต่อราคาเวลาซื้อนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
ในที่สุดก็ได้มีโอกาสมาเที่ยวปักกิ่งสักที ทริปนี้ตั้งใจเป็นลูกชวนป๋วย เพราะอยากพาพ่อมาเที่ยวบ้าง ทริปนี้มีกันทั้งหมดสี่คน มีน้องพลอย น้องชาย พ่อ แล้วเราอีกหนึ่ง ไปแบบเที่ยวเอง เพราะน้องชายพูดภาษาจีนได้ค่ะ งานนี้ไม่ง้อทัวร์ (แต่ง้อน้องแทน)
เดินทางโดยสายการบินไทย รักคุณเท่าฟ้า ไฟล์เช้า งานนี้ใช้ไมล์เลจแลกให้ตัวเอง กะ พ่อ เลยประหยัดไปโข ทริปนี้ไปทั้งหมดห้าวันค่ะ 8-12 มีนาคม
พระราชวังกู้กงต้องไม่ควรพลาด ยิ่งใหญ่อลังการสุด ๆ รู้สึกได้เลยว่าสมัยก่อนจีนต้องยิ่งใหญ่อลังการมาก มีห้องต่าง ๆ ให้ชม อาจจะเดินเมื่อยกันเล็กน้อยนะคะ แต่ขอบอกว่าคุ้มจริง ๆ ช่วงที่ไปอากาศยังหนาวอยู่ แล้วก็มีหิมะตก หลานตัวเล็กเลยงอแงตอนเดินในวังเพราะหนาวมาก
ไปถึงปักกิ่ง ต้องไปกินเป็ดปักกิ่งชื่อดังที่ร้าน ฉวนตูเต๋อ ให้ได้ ขอบอกว่าอร่อยจริง เผอิญไม่ได้ถ่ายรูปเป็ดมา เลยโพสรูปเป็ดการ์ตูน สัญลักษณ์หน้าร้านให้ชมไปพลาง ๆ
โปรแกรมต่อไปคือต้องไปกำแพงเมืองจีน เดินทางโดยเช่ารถพร้อมคนขับค่ะ ตกแล้วทั้งวันอยู่ที่ สี่พันบาท คนขับรถพูดภาษาอังกฤษได้ แล้วก็คอยแนะนำโน่นนั่นนี่ ใช้เวลาเดินทางประมาณสองชั่วโมงก็ถึงกำแพงเมืองจืน
ไม่น่าเชื่อนะคะว่าคนสมัยก่อนจะสามารถสร้างได้ขนาดนี้ กำแพงยาวมาก ตอนนั่งกระเช้าขึ้นไป อากาศกำลังดีเลย โชคดีมากที่ไม่มีลม เอาภาพถ่ายบางส่วนมาฝากค่ะ
กลับจากกำแพงเมืองจืน เห็นเวลาเหลืออยู่ ก็เลยให้คนขับรถพาไปสนามโอลิมปิครังนกต่อ สวยทีเดียวค่ะ ข้างในสนามก็ใหญ่อลังการ แต่ตอนนี้มีหิมะท่วมขังอยู่เพราะหิมะตก
ไปต่อที่หอเทียนถานค่ะ สวยมาก ทรงวัดจะดูเหมือนกับหมวก ในอดีตฮ่องเต้จะไว้ใช้ทำพิธีถึงสวรรค์ เพราะมีความเชื่อว่าจุดตำแหน่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างภพ
อย่าลืมมายืนขอพรตรงจุดนี้ด้วยนะคะ เขาบอกว่าสวรรค์จะได้รับรู้สิ่งที่เราขอพอค่ะ จริงอ่ะเป่าไม่รู้ แต่ขอลอง
สถานที่สุดท้ายที่ไม่ควรพลาดคือ พระราชวังฤดูร้อนค่ะ พื้นที่ใหญ่มากถึงขนาดมีทะเลสาปข้างในที่ต้องเดินทางโดยเรือข้ามฟาก แต่ถ้าเดินเท้าก็สามารถแต่เดินเยอะหน่อย เผอิญมาเที่ยววังนี้ผิดฤดูเลยไม่สามารถนั่งเรือได้เพราะทะเลสาปกลายเป็นน้ำแข็งหมด สถาปัตยกรรมภายในสวยดีค่ะ แล้วก็มีเจ้าแม่กวนอิมให้กราบไหว้ด้วย แต่ต้องเดินขึ้นไปตรงเจดีย์
ตกเย็นก็ไปเดินเล่นถนนคนเดินหวังฟูจิ่ง เป็นแห่งช๊อปปิ้ง และเป็นย่านหาของกินยามค่ำคืน มีของกินแปลกๆมากมาย เช่นม้าน้ำ แมลงป่อง และอื่น ๆ สารพัดที่คาดไม่ถึงว่ามันกินได้ค่ะ
หลังจากได้ไปเที่ยวเมืองจีน รู้สึกได้เลยว่าสมัยก่อนประเทศจีนเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่มาก มีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจน่าติดตาม
ที่สำคัญเมืองจีนไม่ใช่สถานที่สำหรับคนแก่ ควรรีบไปช่วงที่ร่างกายแข็งแรง เพราะเดินเยอะมาก มีโอกาสอย่าลืมไปปักกิ่งนะคะ
ในที่สุดก็ได้ไปญี่ปุ่นอีกรอบ ทริปนี้ได้มีการวางแผนล่วงหน้าตั้งก่อนตั้งสามเดือน เริ่มจองตั๋วตั้งแต่เดือนสิงหาคม ได้มาราคาที่ 19250บาท เหงื่อแทบตกกับราคา แต่ก็นะ ไปช่วงคริต์สมาสกะปีใหม่ ได้ราคานี้ก็โอเค ทริปนี้มีกันสองคน คือเรากะเพื่อน
เริ่มต้นโดยการไปขอวีซ่า พอดีทำงานที่สิงคโปร์ เลยขอที่นี่ อยากบอกว่าเป็นการขอวีซ่าที่เร็วที่สุด ประทับใจมาก ไม่ถึงสิบนาที ก็ได้รับใบรับพาสพอร์ทในอีกสองวันทำการ สาเหตุที่เร็วก็เนื่องจากว่า ประเทศนี้มันเล็ก คนมันน้อยกว่าไทย แถมคนสิงคโปร์เองก็ไม่ต้องขอวีซ่า เลยยิ่งทำให้คนน้อยไปใหญ่ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกประทับใจกับประเทศนี้หลังจากพยายามหามาอยู่เกือบหนึ่งปี
ก่อนไปก็เริ่มทำการบ้าน โดยการหาโรงแรม ตอนแรกจองไปที่ เค เฮ้าส์ เป็นแบบโฮสเทล ตกห้องที่อยู่สองคน คืนละ 6,800 เยน แต่ห้องน้ำจะต่างหากนะคะแต่สรุปเบ๊ดเสร็จ คุยกะเพื่อน ๆ ที่เคยไปเที่ยว เขาแนะนำให้ลองดู Toyoko Inn ลองดูที่เวปข้างล่างนะคะ
http://www.toyoko-inn.com/eng/index.html
ข้อดีของโรงแรมนี้คือ มีสาขาอยู่ทั่วญี่ปุ่น และ ราคาก็ใกล้เคียงกับโฮสเตลมาก แต่เป็นโรงแรม มีผ้าเช็ดตัว แชมพู ห้องน้ำในตัวพร้อมสรรพ ถ้าพักโรงแรมนี้แนะนะให้สมัครบัตรสมาชิก เพราะจะได้ราคาส่วนลด 30% วันเสาร์อาทิตย์ และ วันหยุดของญี่ปุ่น สรุปเบ๊ดเสร็จคิดส่วนลดเรียบร้อย ราคาต่อคืนพอ ๆ กับ เค เฮ้าส์ เลยนอกใจมาพักที่นี่แทน
นี่คือห้องนอนค่ะ นอนกันสองคนกะเพื่อน
ห้องน้ำ อันแสนกะทัดรัด
โปรแกรมของทริปนี้คือ อยู่โตเกียวหกวัน อยู่โอซาก้าสี่วัน ค่ะ
ภาพบางส่วนในโตเกียวค่ะ
วันแรกก็ไปเอาฤกษ์เอาชัยที่วัด Asakusa Temple ก่อน เดินทางไปง่ายมากค่ะ แค่นั่งรถไฟไปลงสถานนี Asakusa
ห้าแยกมหัศจรรย์ Shibuya ตอนคนรอข้ามถนน
แล้วคนก็มาจากทั่วทุกแยก เต็มถนนมิดเลยจ้า
โปรแกรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาโตเกียว
ตลาดปลา Tsukiji แนะนำให้ไปช่วงเช้านะคะ แล้วก็อย่าลืมอุดหนุนซูชิสด ๆ ในตลาดด้วยค่ะ เพราะว่ามันสดม๊าก
เดินเล่นแถว Ginza ดูไฟสวยดีค่ะ
นั่งรถไฟไป Nikko เมืองมรดกของญี่ปุ่น สามารถไปเช้าเย็นกลับได้ มีสถานที่ท่องเที่ยวเช่นวัด และ Edo Wonderland (เมืองนินจา)
ภาพบางส่วนใน Edo Wonderland จะมีการจำลองการอยู่ของนินจาในสมัยก่อน แล้วก็มีคนแต่งกายโบราณในนั้นทำให้เรารู้สึกหลงยุค
วัดเก่าแก่ Rinnoji ได้รับการสถาปนาเป็นมรดกโลกค่ะ
นั่งรถไฟออกนอกเมือง เพื่อไปไหว้วัดใหญ่ไดบุตซึ
หลังจากอยู่โตเกียวเราก็ได้ย้าย ถิ่นฐานไปยังโอซาก้าค่ะ แล้วก็ใช้บัตรเจอาร์นั่งรถไฟไปตามเมืองต่าง ๆ ใช้จนคุ้มเลยค่ะ เพราะมันแพงเหลือเกิน
ภาพบางส่วนในวัดทองหรือวัดคินคาคูจิ จะเรียกว่าเป็นวัดอิคคิวซังก็ว่าได้ อยู่ที่เกียวโต ขอบอกว่าสวยมาก มาก ทองเปล่งประกาย ต้องไปเห็นด้วยตาจริง ๆ ค่ะ ภายในวัดก็จะมีบริเวณที่ให้คนโยนเหรีญไปตรงหิน น่าจะเหมือนกับการทำบุญค่ะ
ภาพบางส่วนจากวัดที่มีน้ำศักดิ์สิทธิ์สามสายในกิน มีเรื่องความรัก การงาน การเงิน เราโลภมากเลยผสมทั้งสามน้ำดื่มพร้อกันทีเดียว ไม่ต้องห่วงเรื่องความสกปรกนะคะ วัดนี้มีบริการอบอินฟราเรทสำหรับกระบวยที่ใช้แล้วด้วย ไฮเทคมาก ๆ
ภาพบรรยากาศบางส่วนย่านนัมบะ เดินดูแค่ป้ายร้านก็เพลิดเพลินแล้วค่ะ เพราะมีแบบแปลก ๆ ทั้งนั้นเลย ที่สำคัญอย่าลืมถ่ายรูปกับสัญลักษณ์กูลิโกะนะคะ
อย่าลืมแวะเที่ยวสวนสนุกยูนิเวอร์แซลสตูดิโอก่อนกลับด้วยนะ